===Not Click=== ===Not Click===

Saturday, October 14, 2017

ชายตัดสินใจแปลงเพศ หลังถึงจุดสุดยอดวันละ 100 ครั้ง ตอนนี้ดีขึ้น เหลือแค่ 8 ครั้ง



ชายป่วยเป็นโรคประหลาด ถึงจุดสุดยอดวันละมากกว่า 100 ครั้ง ความทรมานทำให้ตัดสินใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เพราะอยากเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด กลายเป็นว่าการแปลงเพศกลับช่วยรักษาโรคถึงจุดสุดยอดอย่างไม่น่าเชื่อ !

ในขณะที่ท่านชายหลายคนประสบปัญหาไปไม่สุดขณะปฏิบัติภารกิจบนเตียง หวังจะได้ถึงจุดสุดยอดกันเสียบ้าง แต่สำหรับใครบางคนการถึงจุดสุดยอดมันกลับเป็นปัญหาสำหรับเขา หลังจากที่ต้องเผชิญการถึงจุดสุดยอดวันละ 100 ครั้ง ซึ่งมันมากเกินไปและไม่ได้น่าอภิรมย์ แถมยังนำมาซึ่งความอับอายและเจ็บปวด นั่นคือสิ่งที่ชายอเมริกันที่ชื่อ เดล เดคเกอร์ ต้องประสบพบเจอ [อ่านข่าว : ชีวิตลำบาก ชายมะกันถึงจุดสุดยอดวันละ 100 ครั้ง]

แต่หลังจากที่ทนทรมานมานานหลายปี มันทำให้เขาตระหนักได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เดลจึงตัดสินใจจะผ่าตัดแปลงเพศ โดยแทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะทำให้อาการของเขาดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

เรื่องราวชีวิตของเดลถูกนำมาเปิดเผยโดยเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2560 ระบุว่า เดลเป็นชาวเมืองทู ริเวอร์ส รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เขาเป็นคนรักอเมริกันฟุตบอลและทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่สมาคมศิษย์เก่าของทีมกรีนเบย์ แพคเกอร์ส (Green Bay Packers) และเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของอดีตนักอเมริกันฟุตบอลชื่อดัง จอร์จ คูนซ์ (George Koonce) ก่อนหน้านี้เดลก็ดูเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป เขาแต่งงานมีครอบครัว มีลูก 2 คน และไม่มีวี่แววว่าจะประสบปัญหาเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งในเดือนกันยายน ปี 2555 

ตอนนั้นเดลตกเก้าอี้จนหมอนรองกระดูกเคลื่อนและเดินไม่ได้ เดลตกใจมากและรีบโทร. เรียกรถพยาบาลทันที แต่มันเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับร่างกายเขาในระหว่างทางไปโรงพยาบาล โดยเดลถึงจุดสุดยอด 5 ครั้ง สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่บนรถพยาบาลเป็นอย่างมาก เดลได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายยิ่งขึ้นในวันต่อมา โดยเดลเจอกับการถึงจุดสุดยอดมากถึง 236 ครั้ง มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสุขสมเลยแม้แต่น้อย มันทำให้กระดูกเชิงกรานของเขาสั่นและเจ็บปวดอย่างรุนแรง เดลต้องคุดคู้ตัวด้วยความทรมาน เขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก และคนอื่นต่างก็มองดูเขาอย่างประหลาดใจ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น

ในเวลาต่อมา เดลพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ (PGAS - Persistent Genital Arousal Syndrom) และเริ่มต้นหาทางรักษา เขาเปลี่ยนหมอมาแล้วมากมายหลายคน จนกระทั่งเจอกับผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและการจัดกระดูก (Chiropractic) ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เดลจึงเริ่มรักษาตัวเองมาตั้งแต่นั้น 

ต่อมาในปี 2557 เดลออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับโรคถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ เพราะต้องการประกาศให้ผู้คนทั่วไปได้รับรู้และเข้าใจความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยโรคนี้ แต่แทนที่เขาจะได้รับความเห็นใจ เขากลับถูกเยาะเย้ยอย่างหนัก ผู้คนรอบตัวเขาทั้งในชีวิตจริงและบนโลกออนไลน์ต่างก็พูดจาในเชิงเลวร้ายกับเขา บางคนถึงขั้นใส่ความเขาว่ากุเรื่องขึ้นมาเพื่อรับสวัสดิการคนพิการจากรัฐ และมองว่าเขาเป็นตัวตลก เรื่องนี้ทำให้เดลเป็นทุกข์มาก เขาหมดศรัทธาและสิ้นหวังในผู้คน และเลือกหลบไปรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ คนเดียว

และในปี 2558 เดลได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่สมาคมนักการศึกษา นักบำบัดและผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเพศ (AASECT - American Association of Sexuality Educators, Counsellors and Therapists) และเดลก็ได้ประกาศบนเวทีต่อหน้าผู้ชมนับร้อย ๆ คนว่าเขาจะผ่าตัดแปลงเพศ สาเหตุไม่ใช่เพราะโรคถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ แต่มันเป็นเพราะเขาอยากเป็นผู้หญิงมานานแล้ว เขาระบุว่าเขาเกิดมาในร่างกายที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเป็น เขาอยากเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด แต่ต้องเก็บมันเป็นความลับ และตอนนี้โรคมันกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เขาออกมายอมรับแล้ว ถ้าเขาจะทำมันก็ควรทำเสียตอนนี้

หลังจากตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะแปลงเพศจากชายเป็นหญิง เดลก็เรียกตัวเองว่า คริสตีน พร้อมปรึกษากับจิตแพทย์และเริ่มรับฮอร์โมนเพื่อเตรียมพร้อมรับการผ่าตัด และมันเกิดเรื่องที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง เมื่อฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของคริสตีนลดลง อาการของโรคถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อก็ลดลงตามไปด้วย จากเดิมที่ต้องทนทุกข์กับการถึงจุดสุดยอดมากกว่า 100 ครั้งต่อวัน แต่ตอนนี้เหลือแค่ 8 ครั้งต่อวันเท่านั้น 

"ฉันโกหกตัวเองมานานเหลือเกิน ฉันรู้มาตลอดว่าแท้จริงแล้วฉันเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิง แต่ฉันไม่พร้อมที่จะออกมาเปิดตัว และเมื่อตอนนั้นมาถึง ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป"

"บนโลกนี้มีคนอยู่ 2 ประเภท คนที่ไม่รับรู้อะไรเลยกับคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ฉันดีใจที่ตัวเองเป็นอย่างหลัง ผู้คนยังคงจ้องมองฉันในทุกที่ที่ฉันไป แต่ฉันภูมิใจที่ได้เป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่มคนข้ามเพศ ฉันได้แรงบันดาลใจจากผู้คนมากมาย ทั้ง เคทลีน เจนเนอร์ (Caitlyn Jenner) และ ลาเวิร์น ค็อกซ์ (Laverne Cox) และตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่สุด" คริสตีน กล่าว

การเผชิญกับโรคพีจีเอเอส รวมทั้งความทุกข์ทรมานจากหลายสิ่งที่คริสตีนต้องเจอมานานหลายปี ทำให้ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ในสิ่งที่ตัวเองเป็น ออกมายอมรับว่าแท้จริงแล้วเธออยากเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด และตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต นั่นคือการแปลงเพศ และมันเกิดปาฏิหาริย์ ฮอร์โมนช่วยลดอาการของโรคจีพีเอเอสอย่างคาดไม่ถึง ทั้งนี้ก็ขออวยพรให้คริสตีนหายเป็นปกติเร็ว ๆ และมีความสุขกับชีวิตใหม่ของเธอ